วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศสข้อมูลทั่วไป: ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป หากดูในแผนที่แล้วจะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายรูปหกเหลี่ยม อีกทั้งยังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่กินอาณาบริเวณกว้าง
การขอวีซ่า: เอกสารที่ต้องเตรียม ธงประจำชาติ ประเทศฝรั่งเศส
1. รูปถ่ายสี ขนาด 1.5 - 2 นิ้ว 2 ใบ
2. หนังสือเดินทางของท่านที่มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 6 เดือน นับจากวันเดินทาง
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. ทะเบียนสมรส/ ใบหย่า (ถ้ามี)
6. สำเนาสูติบัตร ในกรณีที่อายุไม่ถึง 20 ปี
7. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ/ นามสกุล (ถ้ามี)
8. สมุดบัญชีเงินฝากตัวจริงที่อัพเดทเป็นปัจจุบัน พร้อมสำเนา (ออมทรัพย์/ ประจำ ย้อนหลัง 6 เดือน)
9. หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัท หรือนายจ้าง ซึ่งจะต้องมีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ทำ และมีการอนุมัติการลาพักร้อนมาด้วย แต่ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทเอง จะต้องแสดงหลักฐานการจดทะเบียนการค้ามาด้วย10. กรมธรรม์ประกันสุขภาพ ที่คุ้มครองท่านตลอดระยะเวลาการเดินทาง ตลอดจนในกรณีที่ต้องนำส่งกลับประเทศไทย วงเงินขั้นต่ำ 30,000 ยูโร หรือประมาณ 1,500,000 บาท
11. เอกสารรับรองห้องพักจากทางโรงแรมในฝรั่งเศส                                               
12. หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินที่ระบุวันเดินทางไป-กลับโดยชัดเจนv
13. สถานที่ที่จะไปเที่ยวในกลุ่มประเทศ Schengen (Itinerary)                             
สถานทูตไทยในฝรั่งเศส: L'AMBASSADE ROYALE DE THAILANDE 8, Rue Greuze 75116 Paris
โทร: (331) 5626 5050
แฟกซ์: (331) 5626 0445/46
เปิดทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.30 - 12.30 น. และ 14.30 - 17.30 น.
ภาษาที่ใช้: ชาวฝรั่งเศสจะพูดภาษาของตัวเอง คือ ภาษาฝรั่งเศส ฉะนั้น การทำสัญญาใดๆ ก็ตาม เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การศึกษา จะต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก ปัจจุบัน ภาษาฝรั่งเศส มีคนนิยมใช้กันมากขึ้นอย่างเช่นใน สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา เป็นต้น
ความแตกต่างของเวลา: เวลาของประเทศฝรั่งเศสจะช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง เมื่อไปถึงแล้วอย่าลืมปรับนาฬิกาด้วย
สภาพอากาศ: นครปารีส อากาศจะอยู่ที่ประมาณ 12 องศาเซลเซียส แต่อาจจะไม่แน่นอนเสมอไป เพราะบางครั้งในกรุงปารีส ก็จะมีฝนตกตลอดทั้งปี หรือบางครั้งถ้าเป็นฤดูหนาว จะมีอุณหภูมิต่ำลงถึงประมาณ 3 องศาเซลเซียส เลยก็ได้ เพราะฉะนั้น การเดินทางไปเมืองปารีส จะต้องเตรียมเสื้อผ้าไว้หลากหลายรูปแบบ พร้อมรับมือกับสภาพอากาศของฝรั่งเศสกันด้วย
ค่าเงิน และการธนาคาร: ฝรั่งเศสใช้เงินฟรังค์ (FF) ซึ่งเท่ากับเงินไทยประมาณ 40 บาท ค่าเงินจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาขณะที่แลกในช่วงนั้นด้วยเงินฟรังค์จะแบ่งเป็นมูลค่า 500, 200, 100, 50 และ 20 ฟรังค์ เงินเหรียญของฝรั่งเศสมีมูลค่าตั้งแต่ 50, 20, 10 และ 5 ซองตีม โดยเหรียญ 50 ซอง จะออกมาในลักษณะ ฟรังค์
ระบบไฟฟ้า: ฝรั่งเศสใช้ระบบไฟฟ้าเหมือนประเทศไทยคือเป็นแบบ 220 โวลต์ บางที่ก็เป็นปลั๊กสองตา บางที่ก็เป็นปลั๊กชนิดสามขา เพราะฉะนั้น จำเป็นต้องเตรียมปลั๊กเสียบ หรือ Adapter มาจากเมืองไทย จะได้สามารถใช้ปลั๊กได้ทั้ง 2 แบบ
น้ำประปา: ระบบน้ำประปาในฝรั่งเศสสะอาดจนสามารถดื่มได้จากก๊อกเลย แต่ถ้าน้ำจากก๊อกที่ไหนไม่สะอาดพอ จะมีป้ายบอกไว้เสมอว่าไม่สามารถดื่มได้ หรือคำว่า eau non potable ลองสังเกตดู
ระบบโทรศัพท์: โทรศัพท์สาธารณะในฝรั่งเศสมีทั้งแบบใช้บัตรและแบบหยอดเหรียญ ถ้าเป็นในเมืองใหญ่ๆ มักจะเป็นแบบใช้บัตร ซึ่งหากต้องการโทรศัพท์กลับมาเมืองไทย ขอแนะนำให้ใช้บัตรโทรศัพท์จะสะดวกกว่าแบบหยอดเหรียญ ท่านสามารถหาซื้อบัตรโทรศัพท์ได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ แผงขายหนังสือที่มีอยู่ทั่วไปหรือตามสถานีรถไฟ และร้านขายของที่มีป้ายติดว่าจำหน่ายบัตรโทรศัพท์ หรือ Telecarte หากจะโทรศัพท์มาประเทศไทยด้วยโทรศัพท์สาธารณะจะต้องหมุน 19+66+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ แต่ถ้าอยู่ที่เมืองอื่นๆ ในฝรั่งเศส นอกเหนือจากมหานครปารีส และต้องการจะโทรศัพท์มายังปารีส หมุนหมายเลข 16+1+หมายเลขที่ท่านต้องการได้เลย
ข้อแนะนำพิเศษ: ตามร้านอาหารหรือภัตตาคารส่วนใหญ่ในฝรั่งเศส จะคิดค่าเซอร์วิสชาร์จประมาณ 10-15% ของราคาอาหาร ดังนั้นการทิปอาจจะไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก แต่คนส่วนมากมักจะให้เศษเหรียญ หรือเงินสัก 2-3 ฟรังค์ ไม่ว่าอาหารที่ทานจะมีราคาเท่าไหร่ก็ตาม หรือถ้าเราพอใจการบริการของเขา ก็อาจจะทิปให้มากก็ได้ถ้าไปนั่งจิบกาแฟที่คอฟฟี่ช็อป ควรจะให้ทิปไว้สัก 1 ฟรังค์ แต่ถ้าบริการไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องทิปค่ะ ทั้งนี้ ในส่วนของการโดยสารแท็กซี่ และการชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ปกติจะทิปประมาณ 2-3 ฟรังค์
อาหารท้องถิ่น: เที่ยวชมรอบเมืองแล้ว ก็ต้องแวะชิมอาหารเลื่องชื่อของฝรั่งเศสกันซักหน่อย เพราะประเทศนี้เขาโด่งดังด้านอาหารการกินอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็นแหล่งผลิตไวน์ และ แชมเปญที่สำคัญที่สุดของโลกในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไวน์แดงและไวน์ขาว สำหรับขนมปังก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน ขนมปังของฝรั่งเศสจะเรียกว่า บาแกตต์ (Baquette) มีเอกลักษณ์พิเศษกว่าใคร ด้วยการทำเป็นทรงยาวกว่า 2 ฟุต รูปร่างคล้ายกระบองเลย เวลาทานมักบิออกด้วยมือ หรือฝานออกเป็นชิ้นๆ ส่วนอีกชนิดที่นิยมคือ ครัวซองต์ ค่ะ ท่านสามารถลิ้มลองได้ในรายการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า จากภัตตาคารภายในที่พักในฝรั่งเศสของท่าน นอกจากนี้ยังมี เครป ขนมสุดฮิตของชาวปารีเซียง และ เอแคลร์ ขนมที่เป็นที่รู้จักกันดีของชาวฝรั่งเศส สำหรับเป็นทางเลือกอีกด้วย
แหล่งช้อปปิ้ง: ฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นเมืองแฟชั่นก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นของประเทศฝรั่งเศสจึงมีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะถือเป็นศูนย์รวมของดีไซเนอร์ชื่อดัง และเป็นต้นฉบับของแฟชั่นทั่วโลก รูปแบบของเสื้อผ้าจะค่อนข้างทันสมัย สำหรับสินค้าอีกอย่างที่เลื่องลืออย่างมากคือ น้ำหอม นักท่องเที่ยวทั่วไปนิยมซื้อน้ำหอมยี่ห้อที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับการผลิต เพราะจะมีราคาถูกกว่าที่นำมาขายในต่างประเทศมาก เมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตหัวน้ำหอมกลิ่นต่างๆ คือ เมืองนีส คานส์ ริเวียร่า ส่วนยี่ห้อน้ำหอมที่โดดเด่นของฝรั่งเศสได้แก่ Christian Dior, Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne เป็นต้น


ที่มา : http://thai.monoplanet.com/guide-book/france.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น