วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557


     The Venezia Hua Hin



เวเนเซียหัวหิน



The Venezia Hua Hin




 เวเนเซีย หัวหิน นับว่าเป็นช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ แห่งใหม่ ซึ่งเป็นโครงการที่จำลองเวนิส ประเทศอิตาลี มาไว้ที่เมืองไทย จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ โดยภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการสัมผัสความเป็นเวนิสได้เป็นอย่างดี 
          นอกจากนี้ ยังมีการจำลองจัตุรัสเซ็นต์มาร์ค (St. Mark Square) และหอระฆัง (Bell Tower) สัญลักษณ์ของเมืองเวนิส ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลกมาไว้ที่ด้านหน้าโครงการ เพื่อเป็นลานกิจกรรมขนาดใหญ่ และจุดชมวิว อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นเวนิส คือ แกรนด์คาแนล (Grand Canal) ความยาวกว่า 200 เมตร ที่มีเรือกอนโดลาล่องไปในบรรยากาศเสมือนอยู่ในเวนิสจริง ๆ

The Venezia Hua Hin

ทางด้านสถาปัตยกรรมการออกแบบอาคารในแต่ละโซน จะมีรูปแบบสีสันที่แตกต่างกัน โดยล้อไปกับสถาปัตยกรรมในแต่ละเกาะของเมืองเวนิส ล้อมรอบด้วยการจัดวางภูมิทัศน์ที่งดงาม ประกอบด้วยสวนดอกไม้นานาพรรณ ลานน้ำพุ และงานประติมากรรมที่บ่งบอกความเป็นเวนิสอย่างแท้จริง

The Venezia Hua Hin


ซึ่งภายใน The Venezia ประกอบด้วย Village Zone หรือ Shopping Complex Mallที่รวบรวมร้านค้าชั้นนำกว่า 300 ร้านค้า ทั้งแบรนด์ทั่วโลกและแบรนด์ชั้นนำของไทย พร้อมทั้งร้านค้าสไตล์อินดี้ หรือร้านค้าขนาดเล็ก อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของเวนิสด้วย, ดื่มด่ำกับ 30 ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม, ล่องเรือ Gondola, มีรถม้า และรถไฟเล็กวิ่งตลอดทั้งโครงการ รวมทั้งเทศกาลไอศกรีมและของหวาน, Seafood Festival และ International Beer & Wine ที่จะจัดเป็นประจำทุกปี

ตุ๊กตาแม่ลูกดก                       

ตุ๊กตาแม่ลูกดก หรือ มาโตรชก้า  เป็นตุ๊กตาของรัสเซียที่เรียงซ้อน ๆ กันหลายตัว ชื่อนี้แผลงมาจากชื่อสตรีภาษารัสเซีย ว่า "มาตรีโยนา" หรืออาจจะถูกเรียกว่าตุ๊กตาคุณยาย

     ประวัติ

กำเนิดของตุ๊กตาที่น่ารักตัวนี้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันระยะหนึ่ง ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเป็นสองทาง ทางหนึ่งว่า พระชาวรัสเซียเป็นบุคคลแรกที่นำวิชาทำตุ๊กตาไม้ไปจากเกาะฮนชูของญี่ปุ่น เมื่อมาถึงรัสเซียแล้ว ก็ผสมผสานรูปแบบกับศิลปะท้องถิ่น เช่น แนวคิดในการซ้อนตุ๊กตาที่คุ้นเคยกันดีในรัสเซีย และประยุกต์เข้ากับงานประดิษฐ์แอปเปิลไม้และไข่อีสเตอร์ แล้วตั้งชื่อขึ้นใหม่ว่า มาโตรชก้า
อีกทางหนึ่งว่ามาโตรชก้าได้รับแรงบันดาลใจจากตุ๊กตาที่ระลึกจากเกาะฮอนชูในญี่ปุ่น และเมื่อเทียบกับตุ๊กตาไม้ของญี่ปุ่นแล้ว ก็จะเห็นว่าตุ๊กตาญี่ปุ่นเหล่านั้นมีลักษณะบางอย่างคล้ายคลึงกับมาตริยอชคา ด้วยเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงแกะด้วยไม้ เชื่อกันว่าในภายหลังมีการนำตุ๊กตาจากญี่ปุ่นไปยังแผ่นดินรัสเซียเมื่อราว พ.ศ. 2430
เมื่อปี พ.ศ. 2443 เอ็ม. เอ. มามอนตอฟ ได้นำตุ๊กตาแบบนี้ไปจัดแสดงในงานสินค้า (World Exhibition) ที่กรุงปารีส และได้รับรางวัลเหรียญทองแดง และในไม่ช้าก็มีการผลิตตุ๊กตาแม่ลูกดกในรัสเซียอย่างแพร่หลายในหลายท้องที่และหลากหลายรูปแบบ
เมื่อประมาณ 120 ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของรัสเซียครั้งใหญ่ จึงมีความสนใจที่จะอนุรักษ์ธรรมเนียมพื้นบ้านมากขึ้น ด้วยมีการฟื้นฟูวัฒนธรรมและรวบรวมผู้เชี่ยวชาญศิลปะพื้นบ้านต่าง ๆ และเพื่อเป็นการอนุรักษ์ความทรงจำเก่า ๆ เกี่ยวแก่ท้องถิ่นรัสเซีย จึงมีการสร้างห้องทำงานช่างศิลปะขึ้นใกล้กับกรุงมอสโก ศิลปะพื้นบ้านต่าง ๆ จำพวกของเล่นและตุ๊กตา ถูกรวบรวมมาจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อศึกษาและผลิตสืบต่อไป
ศิลปินคนสำคัญคนหนึ่งชื่อว่าเซียร์เกย์ มัลยูติน ได้ร่างแบบตุ๊กตาแม่ลูกดกขึ้นมาเป็นครั้งแรก แต่หลังจากนั้นได้มีการถกเถียงและแก้ไขรูปร่างกันหลายครั้ง สุดท้ายก็ได้รูปแบบที่ตกลงกัน คือวาดเป็นเด็กหญิงหน้ากลมแป้น ตาใสแจ๋ว สวมชุดที่เรียกว่า ซาราฟัน (ชุดยาวถึงพื้นมีสายรั้งสองข้าง) และวาดผมสวย แต่มีผ้าคลุมศีรษะสีสดใสให้ แล้วยังมีตุ๊กตาที่เหมือนกัน แต่ตัวเล็กกว่าใส่ไว้ข้างในด้วย แต่ตุ๊กตาข้างในแต่งตัวไม่เหมือนกัน กล่าวคือสวมโคโซโวรอตคัส (กระโปรงแบบรัสเซีย) และเสื้อเชิ้ตปอดดิออฟคัส (เสื้อคลุมยาวถึงเอวของผู้ชาย) และผ้ากันเปื้อนด้วย รูปร่างของตุ๊กตาแม่ลูกดกสมัยที่มัลยูตินได้ร่างแบบไว้ในมอสโก เมื่อปี พ.ศ. 2434 เป็นอย่างนี้